การเข้ามหาวิทยาลัยมีหลากหลายเส้นทางให้เลือก ซึ่งแต่ละวิธีนั้นก็เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละคน ทั้งหมดนี้น้อง ๆ ควรรู้ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับตนเอง จะมีทางใดบ้าง แตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย
เส้นทางสู่มหาวิทยาลัย - รับตรงและโควตา - รับตรงที่เข้าร่วมเคลียริงเฮาส์ (Clearing-house) - รับตรงที่ไม่เข้าร่วม เคลียริงเฮาส์ (Clearing-house) - ภาคพิเศษ / ภาคปกติ - เส้นทางสู่คณะแพทย์ ทันตะ และสัตวแพยทย์ - ระบบ Admissions - หลักสูตรนานาชาติ - เอกชน
รับตรงและโควตา รับตรงและโควตา จริง ๆ มันคืออันเดียวกันแหละ คือเป็นโครงการที่มหาวิทยาลัยหรือคณะเปิดรับนักศึกษาเอง ต่างกันตรงเงื่อนไขการรับ รับตรง จะเป็นโครงการที่เปิดรับนักเรียนทั่วไป นักเรียนจากทั่วประเทศ ไม่ค่อยมีเงื่อนไขพิเศษ ชื่อโครงการจะตรง ๆ เลย เช่น ม.ธรรมศาสตร์ โครงการรับตรง, จุฬา รับตรงแบบปกติ, มศว ประเภทรับตรงทั่วไป ส่วนโควตา จะมีเงื่อนไขหรือคุณสมบัติพิเศษ เช่น โควตาภูมิลำเนา โควตาความสามารถพิเศษ กีฬา วิชาการ นักเรียน ค่าย สอวน. แต่ทั้งรับตรงและโควตา ก็มีรูปแบบการรับสมัครเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็เรียกรวมกันไปเลยว่า รับตรง และเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่น่าสนใจมาก เพราะมีการคัดเลือกก่อน Admissions เรียกได้ว่าถ้าสอบติดคณะและมหาวิทยาลัยที่อยากได้ตั้งแต่รอบรับตรงก็สบายใจได้เลยว่า มีที่เรียนแน่นอน แต่ถ้าพลาดก็ถือว่าเป็นการฝึกฝีมือเพราะยังมีรอบ Admissions รออยู่
ข้อดีของระบบรับตรง - ในบางคณะ/สาขาวิชา มหาวิทยาลัยบางแห่ง เปิดเฉพาะรอบรับตรง ไม่เปิดรอบ Admissions - รับตรงมีจำนวนรับเยอะแต่คู่แข่งน้อย เมื่อเทียบกับ Admissions ดังนั้นแนะนำให้น้อง ๆ ศึกษาว่าคณะและมหาวิทยาลัยที่เราสนใจมีรับตรงหรือไม่ หากมีก็ควรเก็บรับตรงก่อนเลย และนอกจากรับตรงจะมีรอบก่อน Admissions แล้ว ยังมีรอบหลัง Admissions อีกด้วย
คุณสมบัติของผู้สมัคร รับตรงนั้นแต่ละคณะและมหาวิทยาลัยจะกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครไว้แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นระดับการศึกษา เกรดเฉลี่ยสะสม และคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ เรามาทำความเข้าใจคุณสมบัติแต่ละอันกันเลย 1. ระดับการศึกษา มีกำหนดหลายรูปแบบแล้วแต่คณะและมหาวิทยาลัย เช่น - กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หมายถึง ผู้ที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 6 - สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หมายถึง ผู้ที่จบชั้น ม. 6 แล้ว ซึ่งเด็กซิ่วก็จัดอยู่ในหมวดนี้ - เทียบเท่า หมายถึง ผู้ที่มีวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม. 6 นั่นก็คือ กศน. และ ปวช. - สายการเรียน บางคณะจะกำหนดสายการเรียนว่า เฉพาะสายวิทย์-คณิต เท่านั้น 2. GPAX คือ เกรดเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย รับตรงนั้นโดยทั่วไปมีทั้งกำหนดเกรดและไม่กำหนดเกรด หากกำหนดจะใช้เกรด 4, 5 หรือ 6 เทอม แล้วแต่โครงการ - เกรดเฉลี่ยสะสม 4 ภาคการศึกษา คือ เกรด ม. 4 และ ม. 5 - เกรดเฉลี่ยสะสม 5 ภาคการศึกษา คือ เกรด ม. 4, ม. 5 และ ม. 6 เทอม 1 - เกรดเฉลี่ยสะสม 6 ภาคการศึกษา คือ เกรด ม. 4, ม. 5 และ ม. 6 อันนี้แสดงให้เห็นว่าเกรดชั้น ม. 4 และ ม. 5 นั้นสำคัญ เพราะฉะนั้นเตือนไว้ก่อนสำหรับน้อง ม. 4 และ ม. 5 อย่าเอาเวลาไปทำกิจกรรมซะเพลินจนทำให้เกรดตกนะครับ เพราะถ้าเกรดไม่ถึงน้องจะพลาดโอกาสนี้ไปทันที 3. GPA คือ เกรดเฉลี่ยสะสมของกลุ่มสาระต่าง ๆ ตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย อย่างเช่น เกรดเฉลี่ยสะสมของกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ 4 ภาคการศึกษา ไม่ต่ำกว่า 3.00 แปลว่าเกรดเฉลี่ยรวมเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ทั้ง 4 ภาค คือเกรด ม. 4 และ ม. 5 ต้องไม่ตำกว่า 3.00
เกณฑ์การคัดเลือก เกณฑ์การคัดเลือกของรับตรง แต่ละมหาวิทยาลัยหรือคณะจะมีเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกัน ทั้งการคัดเลือกจากเกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) เพียงอย่างเดียว หรือใช้คะแนนจากการสอบ 9 วิชาสามัญ, GAT/PAT, O-NET หรือการจัดสอบเอง รูปแบบเกณฑ์การคัดเลือกของรับตรง แต่ละคณะหรือมหาวิทยาลัยจะมีการกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกัน เช่น - GPAX + สัมภาษณ์ - สอบข้อเขียน + สัมภาษณ์ - GAT/PAT + สัมภาษณ์ - 9 วิชาสามัญ + สัมภาษณ์ - GAT/PAT + 9 วิชาสามัญ + สัมภาษณ์ - O-NET + GAT/PAT + สัมภาษณ์ - O-NET + สอบข้อเขียน + สัมภาษณ์
9 วิชาสามัญ คือ การทดสอบวิชาสามัญเพื่อนำผลไปใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ใช้ในรับตรงเท่านั้น ไม่ได้ใช้ในแอดมิชชั่น ประกอบด้วยวิชาคณิตศาสตร์ 1, ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา, ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย, สังคมศึกษา, คณิตศาสตร์ 2 และวิทยาศาสตร์ทั่วไป จัดสอบโดย สทศ. ซึ่ง 9 วิชาสามัญ นี้ก็พัฒนามาจาก 7 วิชาสามัญ โดยเพิ่มวิชาคณิตศาสตร์ 2 และวิทยาศาสตร์ทั่วไป เพื่อเด็กสายศิลป์นั่นเอง
รับตรงที่เข้าร่วมเคลียริงเฮาส์ (Clearing-house) เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยต่าง ๆ เปิดรับตรงและโควตามากขึ้น และมีผู้ที่สอบติดรับตรงและโควตาในหลายแห่ง ยืนยันสิทธิ์การเข้าศึกษามากกว่า 1 แห่ง และยอมชำระค่าธรรมเนียมการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่สอบติดทุกแห่ง แต่ไม่แจ้งสละสิทธิ์ไปยังมหาวิทยาลัยที่ไม่เข้าศึกษา ทำให้มหาวิทยาลัยเหล่านั้นไม่สามารถรับนักศึกษาทดแทนได้ทันก่อนเปิดภาคเรียน ทำให้เกิดที่เรียนว่างเป็นจำนวนมาก สอท. จึงใช้ระบบ Clearing-house โดยการรวบรวมและประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกในระบบรับตรงและโควตาของ สถาบันต่าง ๆ ที่มีข้อตกลงในการใช้ระบบ Clearing-house นักเรียนที่สอบติดรับตรง ในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วม มีสิทธ์เลือกยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาได้เพียง 1 ที่เท่านั้น หลังจากนั้นก็จะถูกส่งรายชื่อเพื่อตัดสิทธ์ Admissions หากไม่ดำเนินการใด ๆ จะถือว่าผู้นั้นสละสิทธิ์การเข้าศึกษาในระบบตรง
รับตรงที่ไม่เข้าร่วมเคลียริงเฮาส์ (Clearing-house) มหาวิทยาลัยไม่เข้าร่วมเคลียริงเฮาส์ แต่ตัดสิทธิ์แอดมิชชั่น ก็มีหลายโครงการ นักเรียนสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการยืนยันสิทธิ์ได้ในระเบียบการสมัครของโครงการนั้น ๆ
ภาคพิเศษ / ภาคปกติ ภาคพิเศษ หรือ ในบางมหาวิทยาลัยเรียกว่าภาคสมทบ เป็นการเปิดการเรียนการสอนเพิ่มเติมจาก ภาคปกติ คือปกติเราจะเรียนกันจันทร์-ศุกร์ 8 โมงเช้า - 4 โมงเย็น แต่ภาคพิเศษ เค้าจะเริ่มเรียนกัน ประมาณบ่าย หรือ เย็น ยาวจนถึงประมาณสองสามทุ่ม หรือที่เรียกว่านอกเวลาราชการ บางที่มีเรียนเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งก็แล้วแต่มหาวิทยาลัยกำหนด หลักสูตรการเรียนการสอนเหมือนกันทุกอย่าง รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ เช่น รับน้อง กิจกรรมเชียร์ ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันแน่นอน และรูปแบบใบปริญญาจะเหมือนกัน ระบุแค่หลักสูตรที่จบ ไม่ได้ระบุว่าจบภาคปกติ หรือ ภาคพิเศษ ทั้งสองภาคจะแตกต่างกันเรื่องเวลาเรียน เรื่องค่าเทอมของภาคพิเศษจะแพงกว่าภาคปกติ 1 - 2 เท่า ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย สาเหตุที่ค่าเทอมแพงกว่า เพราะต้องจ้างอาจารย์ผู้สอนนอกเวลา และเกณฑ์การรับเข้าศึกษาของภาคพิเศษจะง่ายกว่าภาคปกตินิดนึง เรียกว่าเป็นการเปิดโอกาส เพิ่มทางเลือกให้กับนักเรียนและคนที่สนใจเข้าศึกษา
เกณฑ์การคัดเลือกของ กสพท. - วิชาความถนัดแพทย์ 30% - 9 วิชาสามัญ 70% (คณิตศาสตร์ 1, ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา, ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ, สังคม)
รายละเอียดการสมัคร กสพท >> Click
น้อง ๆ สามารถติดตามข่าวรับตรงและโควตาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้จาก "ศูนย์ข่าวรับตรง" ของเว็บไซต์ทรูปลูกปัญญา ซึ่งเราได้รวบรวมข่าวรับตรงและโควตาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศไว้มากมาย อัพเดทรวดเร็ว แบ่งกลุ่มคณะตามความสนใจ พร้อมย่อยข้อมูลให้อ่านง่าย มีระบบค้นหาทั้งจากสถาบันและกลุ่มคณะ สามารถบันทึกคณะที่สนใจเก็บไว้ได้ และนอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนการเปิดและปิดรับสมัครผ่านอีเมลอีกด้วย
แอดมิชชั่น (Admissions) "แอดมิชชั่น (Admissions)" คือ ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาระบบกลาง ซึ่งดำเนินการโดยสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) ระบบการคัดเลือกนี้น้อง ๆ สามารถเลือกคณะและสาขาวิชาได้ 4 อันดับ โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกจากองค์ประกอบและค่าร้อยละของ GPAX 20%, O-NET (5 วิชา) 30% และ GAT/PAT 50%
องค์ประกอบของ Admissions GPAX คือ เกรดเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พูดง่าย ๆ ก็คือ เกรดเฉลี่ยสะสม 6 ภาคเรียน หรือเกรดเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ ม. 4-6 นั่นเอง
O-NET คือ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน โดยใช้คะแนนเฉพาะ 5 กลุ่มสาระที่ สทศ. จัดสอบ คือ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย และสังคมศึกษา
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ O-NET - เด็ก ม.6 ทุกคนต้องสอบ และต้องสอบให้ครบทุกวิชาภายในปีการศึกษานั้น - สอบได้แค่ครั้งเดียว คะแนนติดตัวไปตลอดชีวิต - เด็กสายอาชีพสอบได้แต่ต้องสมัครเอง ส่วนเด็ก ม.6 โรงเรียนสมัครให้
ปฏิทิน Admissions ปี 60 GAT/PAT ครั้งที่ 1/2560 สมัคร 10 - 29 ส.ค. 59 สอบ 29 ต.ค. - 1 พ.ย. 59 ประกาศผลสอบ 15 ธ.ค. 59
9 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2560 สมัคร 5 - 24 ต.ค. 59 สอบ 24 - 25 ธ.ค. 59 ประกาศผลสอบ 25 ม.ค. 60
O-NET ประจำปีการศึกษา 2559 สอบ 18 - 19 ก.พ. 60 ประกาศผลสอบ 20 มี.ค. 60
GAT/PAT ครั้งที่ 2/2560 สมัคร 7 - 26 ธ.ค. 59 สอบ11 - 14 มี.ค. 60 ประกาศผลสอบ 20 เม.ย. 60
เคลียริ่งเฮาส์ ประจำปีการศึกษา 2560 นักเรียนยืนยันสิทธิ์ผ่านระบบเคลียริ่งเฮาส์ 25 - 28 เม.ย. 60
Admissions ปีการศึกษา 2560 จำหน่ายระเบียบการ 16 - 27 พ.ค. 60 รับสมัคร 20 - 27 พ.ค. 60 ชำระเงินค่าสมัคร 20 - 29 พ.ค. 60 ผู้สมัครตรวจสอบคะแนนที่ใช้ในการคัดเลือกแอดมิชชั่น 7 - 9 มิ.ย. 60 ประกาศชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ 15 มิ.ย. 60 สอบสัมภาษณ์ 23 - 26 มิ.ย. 60 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา 10 ก.ค. 60
|